28 กันยายน 2550

คุณโทรหาแม่แล้วหรือยัง

วันนี้ได้ไปค้นเมลล์ฉบับหนึ่ง ซึ่งพี่สาวผมได้ส่งมาตั้งนานแล้ว
หรือจะเรียกว่าเมลล์ลูกโซ่ก็ได้ เพราะส่งต่อกันหลายคน
แต่เมลล์นี้ซึ้งมากๆถึงแม้จะผ่านพ้นวันแม่ไปตั้งนานแล้ว
แต่คิดว่าคงจะกินใจทุกๆคนนะครับ
(ถ้ายังมีแม่ให้กอด อย่าลืมกอดท่านด้วยล่ะ

โทรหาคนที่รักคุณสักนิด ก่อนที่จะไม่เหลือใครให้โทรหาอีก)

ก่อนอื่นต้องขออภัยสำหรับเจ้าของต้นเรื่อง
มันอาจตอกย้ำความเจ็บปวดกับคุณในเรื่องนี้
แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ควรเผยแพร่เพื่อตอกย้ำคนที่ได้ชื่อว่าลูกทุกคนให้หันกลับมา
ดูคนที่ส่งเสียคุณเลี้ยงดูคุณมาด้วยความเหนื่อยยาก

วันนี้เราหันไปเหลียวท่านบ้างหรือเปล่า ก่อนจะไม่มีโอกาสดูแล
เมื่อท่านจากเราไปแล้วการจัดงานใหญ่โตมันไม่มีประโยชน์อะไร
เวลาท่านอยู่ทำไมไม่ทำ?

ความรู้สึกของน้องคนหนึ่งที่บรรยายออกมาจากใจ ในขณะที่....
ผมก็เป็นเช่นเด็กวัยรุ่นทั่วๆไป เรียน เที่ยว นอน กิน
ดึกๆผมก็โทรคุยกับแฟนของผม ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้มันก็เป็นกิจวัตรประจำวันของผม
และผมก็เชื่อว่าใครๆเค้าก็ทำแบบนี้กัน จ้า ตัวเอง วันนี้กินข้าวรื้อยาง
กินกับอะไรบ้าง แล้วตอนกินตัวเองคิดถึงเค้ามั้ยเนี่ย” “รู้มั้ยตัวเอง
ถ้าเค้าเป็นผีเนี่ย เค้าอยากเป็นกระสือที่รักจะได้เห็นใจไง” “ตัวเองวางก่อนดิ
ก่อนดิ

ประโยคต่างๆที่ผมได้คิดและคัดสรร เตรียมพร้อมมาต่างๆก่อนโทร
ผมยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ตอนดึกไปกับการคุยโทรศัพท์ระยะเวลาอันผมได้ใช้ไปในแต่ละครั้งนั้น
พอรู้สึกอีกทีก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วแต่ผมก็ชอบนะหากใครจะมาว่าผมไร้สาระ
ก็ไม่เห็นหรอคนส่วนใหญ่เค้าก็ทำกัน เอ้อ เกือบลืมไป
อีกอย่างกิจวัตรอีกอย่างนึงของผมก็คือ แม่ของผมมักชอบโทรหาผมทุกวัน
ตอนนี้ลูกอยู่หอรึยัง” “เย็นนี้กินข้าวอิ่มมั้ย” “วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง
อย่าไปเที่ยวที่ไหนไกลนะโธ่!คำถามเดิมๆ ผมก็ตอบไปแบบเดิมๆ
แม่ผมก็ไม่เบื่อซักที ยังคงโทรหาผมเป็นประจำ โชคดีที่ผมพยายามตัดบทคุย
ผมกับแม่น่ะคุยกันไม่กี่นาทีก็วางแล้ว ก็มันไม่มีอะไรจะคุยจะให้ผมทำยังไง
จนกระทั่งวันนั้น ตัวเองตอบเค้าได้รึยังว่ารักเค้ามั้ย
เร็วๆสิ เค้ายังอุฒส่าห์บอกรักตัวเองไปแล้วนะ
แล้วยังจะใจร้ายไม่บอกรักเค้าอีกหรอ

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ เสียงจากโทรศัพท์บอกผมว่ามีสายซ้อน
ผมมองไปที่หน้าจอมันขึ้นชื่อว่า“Home”

โธ่ แม่โทรมาทำไมตอนนี้เนี่ย กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลยผมไม่สลับสายผม
ผมยังคงคุยกับสุดที่รักของผมต่อไป
เพราะผมรู้ว่าสิ่งที่แม่จะคุยกับผมก็คงเป็นประโยคเดิมๆ
และนั่นก็เป็นโอกาสสุดท้าย ที่ผมจะมีโอกาสฟังเสียงของแม่

หลังจากนั้นไม่นานทางญาติของผมโทรมาแจ้งผมว่า เมื่อคืนนี้บ้านของผมถูกขโมยเข้า
และแม่ของผมขัดขืนและได้ต่อสู้กับโจร
จึงถูกโจรใช้มีดแทงเข้าที่ท้องแม่เสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว
ญาติของผมเล่าอีกว่าตอนไปพบศพแม่นั้น ในมือของแม่กำโทรศัพท์ไว้แน่น
และเบอร์โทรออกล่าสุดของเธอ
ไม่ใช่โทรแจ้งตำรวจหรือเรียกรถพยาบาล แต่แม่เลือกที่จะโทรหา ผม

สิ่งสุดท้ายในชีวิตที่แม่ผมเลือกที่จะทำคือโทรศัพท์หาผมเพื่อฟังเสียงของผม
วินาทีนั้นน้ำตาของผมไหลอาบแก้ม ผมพูดอะไรไม่ออก มือและตัวของผมสั่น
วันนั้นผมเลือกที่จะคุยกับแฟนผมดีกว่าที่จะคุยกับแม่ของผม ผู้หญิงคนเดียวในโลก
ที่คุยกับผมเป็นคนแรกในชีวิต
ผู้หญิงคนเดียวที่ผมสามารถที่จะคุยกับเธอได้ทุกเวลา
โดยที่ผมไม่ต้องเตรียมบทพูดใดๆ ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะประทับใจหรือไม่
ไม่ต้องมีมุข ไม่ต้องมีคำหวานใดๆ
คนเดียวในโลกที่โทรมาหาผมเพียงแค่ฟังผมพูดประโยคเดิมๆ
คนเดียวในโลกที่ไม่ว่าโทรศัพท์เธอจะโปรโมชั่นแพงแค่ไหน ก็ยังโทรหาผม
และคนเดียวในโลกที่เลือกคุยกับผมในวินาทีสุดท้ายในชีวิต

ในบางครั้งประโยคที่ว่า ไม่มีคำว่าสาย หากเราคิดที่จะแก้ตัว
มันก็ไม่เป็นความจริง เพราะบางปรากฏการณ์ในโลกเกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว
อาจเป็นเพราะเวรกรรมของผม หลังจากนั้นไม่นานแฟนผมที่ผมใช้เวลาคุยกับเธอ
วันละหลายๆชั่วโมงคุยกับเธอก็ทิ้งผมไป วันนี้ผมเริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น
หลายๆอย่างที่คนส่วนใหญ่ทำมิได้หมายถึงสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
เพราะตัวเราเท่านั้นที่เป็นผู้ต้องรับผลการกระทำของเราเอง
เราจะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ ก็ต่อเมื่อเราต้องเสียมันไป
ทุกวันนี้ผมนั่งมองโทรศัพท์ รอที่จะตอบคำถามเดิมๆให้ผู้หญิงคนหนึ่งฟัง
แต่ผู้หญิงคนนั้นคงไม่มีอีกแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น: